อาทิตย์นี้ ผมวุ่น ๆ อยู่กับการหาโปรแกรมมาเล่นที่จะ lock/unlock หน้าจอของ iphone เพราะเผอิญไปมองเห็นหน้าจอของเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ แล้วมันเก๋ดีเลยอยากเอามาใช้อย่างเขาบ้าง
โปรแกรมที่ผมลงไปนั้นชื่อว่า AndroidLock เป็นโปรแกรมเอาไว้ใช้เปลี่ยนการปลดลอคหน้าจอของ iphone จากแบบเดิม ๆ ที่สไลด์จากซ้ายไปขวาให้เป็นแบบ customizing pattern โดยที่เราจะต้องกำหนดรูปแบบ (pattern) เอาเองว่าถ้าต้องการจะปลดลอคต้องใช้รูปแบบไหน ดู ๆ ไปก็เป็นการเข้าระหัสเพื่อปลดลอคนั่นแหละ ถ้าใส่ระหัสไม่ถูกก็จะ unlock หน้าจอมาใช้งานไม่ได้
หา hdd ไม่เจอสักกะที
วันนี้ เพื่อนเอาโน๊ตบุคตัวหนึ่งมาให้ช่วยซ่อมเพราะเข้าวินโดว์ไม่ได้ .. จริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องบอกยี่ห้อหรอกแต่ผมอยยากให้เอาเป็นกรณีตัวอย่างถ้าหากใครเกิดอาการอย่างนี้บ้าง
เรื่องมีอยู่ว่าเพื่อนเขาไปรัน auto update ของ ไมโครซอฟต์เลยทำให้เครื่องติดที่หน้า Activate ตลอด ผมก็ลองทำอะไรหลายอย่างเช่น เข้าไปหน้า safe mode เพื่อแก้ไฟล์ kb หลายตัวตามที่ในเวบต่าง ๆ แนะนำกัน แต่ผมเห็นตามที่พูดกันเลย และถ้าจะทำ system restore ก็คงใช้เวลา และไม่แน่ใจว่าจะได้ผลแค่ไหน และผมก็ต้องไปลงโปรแกรมที่ต้องการอีกเหมือนเดิมหลังจากทำเสร็จ เพราะใช้งานไม่ได้
จริง ๆ แล้ว ผมเคยทำ system restore เมื่อนานมาแล้ว แต่ผมไม่ชอบที่เอาข้อมูลอะไรหลายอย่างกลับมา และก็ต้องไล่ลงโปรแกรมใหม่เหมือนเดิม ผมเลยไม่อยากเลือกวิธีนี้เป็นวิธีแก้ แต่ผมเลือกที่จะลบพาร์ทิชั่นแล้วลงวินโดว์ใหม่เพราะจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาทำอย่างอื่นทีหลัง !!
เรื่องมีอยู่ว่าเพื่อนเขาไปรัน auto update ของ ไมโครซอฟต์เลยทำให้เครื่องติดที่หน้า Activate ตลอด ผมก็ลองทำอะไรหลายอย่างเช่น เข้าไปหน้า safe mode เพื่อแก้ไฟล์ kb หลายตัวตามที่ในเวบต่าง ๆ แนะนำกัน แต่ผมเห็นตามที่พูดกันเลย และถ้าจะทำ system restore ก็คงใช้เวลา และไม่แน่ใจว่าจะได้ผลแค่ไหน และผมก็ต้องไปลงโปรแกรมที่ต้องการอีกเหมือนเดิมหลังจากทำเสร็จ เพราะใช้งานไม่ได้
จริง ๆ แล้ว ผมเคยทำ system restore เมื่อนานมาแล้ว แต่ผมไม่ชอบที่เอาข้อมูลอะไรหลายอย่างกลับมา และก็ต้องไล่ลงโปรแกรมใหม่เหมือนเดิม ผมเลยไม่อยากเลือกวิธีนี้เป็นวิธีแก้ แต่ผมเลือกที่จะลบพาร์ทิชั่นแล้วลงวินโดว์ใหม่เพราะจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาทำอย่างอื่นทีหลัง !!
ได้เวลาอัพเป็น 3.1.3 แล้ว
พอดี ผมว่าง ๆ ก็เลยอยากทำอะไรเล่น ๆ กระตุ้นต่อม technology upgrade ในสมองสักหน่อย
ผมยังเลือกใช้ PwnageTool ในการอัพเกรดเหมือนเดิม เพราะผมคิดว่าน่าจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด แต่ก็ยังวานให้เพื่อนช่วยดาวน์โหลดตัว firmware 3.1.3 อีกตามเคย .. ( ก็ขอขอบคุณเพื่อนคนนี้ไว้หน้านี้ด้วยล่ะกันครับ .. )
ส่วนวิธีการทำของ PwnageTool ในเวอร์ชั่นนี้ ไม่ได้แตกต่างออกไปเวอร์ชั่นก่อน ๆ สักเท่าไร ลองดูข้อความเก่า ๆ ที่ผมโพสต์วิธีทำ custom firmware ของ iPhone 2G (Original) ไว้เป็นแนวทางก็ได้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม คราวนี้ ผมลองต่ออินเตอร์เนตใน iBook ผ่านตัว iPhone นี่แหละค้างไว้ก่อนในระหว่างทำเพื่อดาวน์โหลด apps เพิ่มเติมตอนที่ให้เลือก apps ของ Cydia เพราะจะได้เก็บไว้ใช้เองครั้งต่อไป จะได้ไม่ต้องโหลดอีกให้เสียเวลา ..
ผมยังเลือกใช้ PwnageTool ในการอัพเกรดเหมือนเดิม เพราะผมคิดว่าน่าจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด แต่ก็ยังวานให้เพื่อนช่วยดาวน์โหลดตัว firmware 3.1.3 อีกตามเคย .. ( ก็ขอขอบคุณเพื่อนคนนี้ไว้หน้านี้ด้วยล่ะกันครับ .. )
ส่วนวิธีการทำของ PwnageTool ในเวอร์ชั่นนี้ ไม่ได้แตกต่างออกไปเวอร์ชั่นก่อน ๆ สักเท่าไร ลองดูข้อความเก่า ๆ ที่ผมโพสต์วิธีทำ custom firmware ของ iPhone 2G (Original) ไว้เป็นแนวทางก็ได้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม คราวนี้ ผมลองต่ออินเตอร์เนตใน iBook ผ่านตัว iPhone นี่แหละค้างไว้ก่อนในระหว่างทำเพื่อดาวน์โหลด apps เพิ่มเติมตอนที่ให้เลือก apps ของ Cydia เพราะจะได้เก็บไว้ใช้เองครั้งต่อไป จะได้ไม่ต้องโหลดอีกให้เสียเวลา ..
คุณรู้และเข้าใจชนิดของเวบแค่ไหน
ผมไม่แน่ใจว่าจะตั้งชื่อเรื่องว่าอะไรดีเหมือนกัน คิดไม่ออกว่าจะเรียกว่ายังไง เพราะเป็นการพูดรวม ๆ เกี่ยวกับเวบไซต์แต่ละประเภทที่เราเห็น ๆ กันอยู่ทุกวันนี้ โดยเฉพาะที่คนกำลังกล่าวถึง twitter กับ facebook กันมากขึ้นเพราะใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเมื่อก่อนนั้นเราจะได้ยินแค่เวบไซต์หรือ blog เท่านั้น
เวบไซต์ .. ฟังดูชื่อนี้อาจจะดูโบราณไปแล้วในทุกวันนี้ เมื่อก่อนนี้จะเรียกกันว่า World Wide Web มีตัวย่อเป็น WWW จากนั้นก็แปลงมาเป็น Web ที่เข้าง่ายกว่า เวบไซต์จะเป็นชื่อที่เรียกเวบต่าง ๆ ได้แบบกว้าง ๆ ไม่ได้เฉพาะเจาะอะไรมากนักเพราะจะอิงที่เนื้อหาของเวบนั้น ๆ มากกว่า แต่โดยทั่วไปจะเรียกกันในนามของ URL หรือลิ้งค์ไปที่ URL ตัวใดตัวหนึ่งเท่านั้น เพราะจะเข้าใจได้ง่ายกว่า นั่นคือเราสามารถพูดแบบเหมารวมไปเลยว่าทั้ง blog หรือ twitter ก็เป็นเวบ ๆ หนึ่งเช่นกัน
เวบไซต์ .. ฟังดูชื่อนี้อาจจะดูโบราณไปแล้วในทุกวันนี้ เมื่อก่อนนี้จะเรียกกันว่า World Wide Web มีตัวย่อเป็น WWW จากนั้นก็แปลงมาเป็น Web ที่เข้าง่ายกว่า เวบไซต์จะเป็นชื่อที่เรียกเวบต่าง ๆ ได้แบบกว้าง ๆ ไม่ได้เฉพาะเจาะอะไรมากนักเพราะจะอิงที่เนื้อหาของเวบนั้น ๆ มากกว่า แต่โดยทั่วไปจะเรียกกันในนามของ URL หรือลิ้งค์ไปที่ URL ตัวใดตัวหนึ่งเท่านั้น เพราะจะเข้าใจได้ง่ายกว่า นั่นคือเราสามารถพูดแบบเหมารวมไปเลยว่าทั้ง blog หรือ twitter ก็เป็นเวบ ๆ หนึ่งเช่นกัน
Subscribe to:
Comments (Atom)
