หลังจากที่ Apple ประกาศสลัดเจ้า iPhone 2G ไปแล้วนั้น หลายคนคงอยากจะเปลี่ยนไปใช้ Android กันบ้าง (ผมก็หนึ่งในนั้นแหละครับ) เพราะมีลูกเล่นที่น่าสนใจและท่าทางฮอตมากในตอนนี้ อีกอย่างก็มีการพัฒนาเวอร์ชั่นใหม่ ๆ ออกมาให้ดูให้ชมตลอดเวลา มันดูท้าทายดีเพราะเป็น Open Source ที่สามารถเอาโค๊ดมาโมได้อีก อีกอย่าง .. หลัง ๆ มา นี้ เราจะเห็นมีโทรศัพท์ที่เป็น Android ออกมาเยอะเหมือนกัน แล้วเราจะเลือกยี่ห้อไหนดีล่ะ ???
แต่คิดสักนิดหนึ่งว่า Android จาก Google เพียว ๆ นั้นยังไม่สามารถเอามาใช้กับโทรศัพท์ที่มีท้องตลาดอย่างของ HTC Motorola และอีกหลาย ๆ ยี่ห้อ ผมหมายความว่า เราไม่สามารถดาวน์โหลดตัว OS นั้นจาก เวบของ Android เพื่อจะเอาใส่ในโทรศัพท์ได้ทันที เรายังต้องรอเจ้าของยี่ห้อนั้น ๆ เอามาแต่งองค์ทรงเครื่องก่อนที่จะจับมันยัดเข้าไปให้โทรศัพท์ คือเขาจะต้องมีการปรับแต่งโค๊ดเพื่อให้ใช้ได้กับโทรศัพท์ของตัวเอง และบวกกับการเพิ่ม driver ให้กับตัวฮาร์ดแวร์ของโทรศัพท์อีกที ตรงนี้แหละที่ทำให้เราต้องรออีกระยะหนึ่ง .. :)
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่เรารอ ๆ อยู่นั้น ทาง Google ก็อาจจะปล่อย Android ตัวใหม่ออกมาอีกแล้ว คราวนี้ ภาระอันนี้ก็จะเกิดขึ้นกับทางบริษัทผู้ผลิดของแต่ละยี่ห้อว่าจะเอายังไงต่อดี จะพัฒนาตัวไหนเพื่อจะให้ลูกค้าได้อัพเกรดกันดี ถ้าจะยังใช้ทีมเดิมที่พัฒนาเวอร์ชั่นเดียวกับตอนที่ผลิตเครื่องออกสู่ตลาด ก็คงใช้เวลาไม่นานมากนัก แต่ถ้าจะฟอร์มทีมใหม่ขึ้นมาเลยสำหรับเวอร์ชั่นใหม่ ๆ นั้น ก็อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าชุดแรกแน่นอน เพราะต้องศึกษาข้อมูลเครื่องกับ OS ตัวใหม่พร้อม ๆ กันไปหลายอย่าง ก่อนที่จะปล่อยตัวจริงออกมาให้ลูกค้าดาวน์โหลดได้ เอาล่ะสิครับ .. ตัวเก่ายังไม่ทันได้แตะ(แก้ข้อบกพร่อง)เลย แต่ตัวใหม่ออกมาซะแล้ว
จะเรียกว่าเป็นข้อดีของซอฟต์แวร์ที่เป็นแบบ Open source ที่สามารถปล่อยตัวใหม่ ๆ ได้เร็วกว่าพวก OS แบบปิดอย่างของ Apple และ Microsoft แต่ข้อเสียของมันก็อย่างที่ผมเล่ามานั้นแหละ เมื่อบริษัทที่ผลิตโทรศัพท์ออกตลาดไม่ได้ทำส่วนของซอฟต์แวร์ที่เป็น OS ออกมาด้วย การพัฒนาแบบนี้ มันจะเป็นแบบลูกโซ่ต่อไปเรื่อย ๆ ครับ .. ต่อไปต้องเผื่อใจไว้บ้างก็ดี :)
ผมขอฝากบทความนี้เอาไว้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งของการตัดสินใจซื้อโทรศัพท์ที่เป็น Android แบบเบื้องต้น สำหรับคนที่อยากอัพเกรดหลังซื้อ อย่าคิดว่าเป็นการมองโลกในแง่ร้าย แต่อยากให้หาเหตุผลที่แท้จริงก่อนว่าทำไมและเหมาะกับการใช้งานของเรามากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเองครับ... :)

No comments:
Post a Comment